พลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าของกิจการ ร้าน ซองกันกระแทก ซองบับเบิ้ล กล่าวเมื่อวันจันทร์ (2 ส.ค.) ว่า การที่เจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชนใช้อาวุธปืนลูกซองจ่อศีรษะผู้ที่กำลังขี่จักรยานยนต์บนถนนวิภาวดีรังสิต ที่สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีบันทึกภาพได้ เป็นรูปแบบทางยุทธวิธีที่เรียกว่า Cover and contact (คัฟเวอร์แอนด์คอนแทกต์) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ต่างประเทศใช้
พล.ต.ต.ปิยะ ยืนยันว่า การจ่อศีรษะดังกล่าวไม่ใช่การยิงผู้ชุมนุม แต่เป็นการการตักเตือนและไล่ให้ออกนอกพื้นที่เท่านั้น
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อธิบายอีกว่า สถานการณ์ในขณะนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมกระจายตัวออกจากพื้นที่ และเจ้าหน้าที่เห็นว่าผู้ชุมนุมบางคนอาจเป็นภัยคุกคามหรืออาจก่ออันตรายต่อเจ้าหน้าที่ได้ จึงต้องตักเตือนให้ออกจากพื้นที่ ขณะเดียวกัน เวลาดังกล่าวก็ใกล้ช่วงเคอร์ฟิว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อไปว่า อาวุธปืนที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลใช้ จะติดสติกเกอร์เป็นสัญลักษณ์ให้เห็นชัดเจนว่าใช้กระสุนยาง
ส่วนผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมระหว่างการสลายการชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ (1 ส.ค.) ทั้งในกรุงเทพมหานครและ จ.นนทบุรี มีด้วยกันทั้งหมด 10 ราย ส่วนอีก 1 รายจับกุมได้ในบริเวณพื้นที่ชุมนุม เพราะฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) และควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี และที่ห้องควบคุมผู้ต้องหากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรุงเทพมหานคร
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ผู้ที่ถูกจับกุมทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำและถ้าหากสอบสวนเสร็จภายในวันจันทร์ (2 ส.ค.) ก็จะฝากขังต่อผ่านระบบประชุมผ่านวิดีโอกับศาลทันที แต่ถ้าหากไม่ทันก็จะเลื่อนออกไปเป็นวันอังคาร (3 ส.ค.) ซึ่งเบื้องต้นพบว่าทั้งหมดเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ, พ.ร.บ.จราจรทางบก และกฎหมายอื่นๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี