ป้าวัย 57 ปี ชาว อ.นาโพธิ์ บุรีรัมย์ เกิดอาการเพี้ยนเพราะขาดยา ย่องใช้อีโต้ฟันหัวและคอหลานของตัวเองกลางดึก ญาติช่วยกันจับผูกไว้กับเสาบ้านให้หายคลั่ง แล้วพาหลานเจ็บไปหาหมอ กลับมาพบแม่ของป้าเพี้ยนวัย 78 ปีโดนที่สูบลมตีหัวเละดับคาที่ เผยป่วยจิตรเวชแต่ไม่ได้กินยา

วันที่ 15 ก.ย.65 กลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.อ อัครวัฒน์ คุณวงศ์ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีคนถูกทำร้ายเสียชีวิตภายในบ้าพื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลนาโพธิ์

ที่เกิดเหตุ พบศพนางสำราญ (สงวนนามสกุล) อายุ 78 ปี เจ้าของบ้านตายจมกองเลือดอยู่ภายในบ้าน และพบที่สูบลมรถจักรยานยนต์เปื้อนเลือดวางอยู่ ผู้ก่อเหตุคือนางสาวทองย่อย (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี ลูกสาวของผู้ตาย เป็นผู้ป่วยจิตรเวช ไม่ได้หลบหนีไปไหน

สอบถามนายอัสนีย (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี หลานชายผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตนทำงานโรงงานถุงห่อผลไม้กันแมลง ถุงตาข่ายกันแมลง ที่ จ.อุดรธานี กลับมาเยี่ยมแม่คือน้องสาวของป้าที่ก่อเหตุ ตอนหัวค่ำป้า ซึ่งอยู่บ้านติดกัน เดินมากระโดดเข้ามาล็อคคอโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ไม่ถือสาเพราะรู้ว่าป้าป่วยเป็นจิตรเวช

ตอนกลางดึกประมาณตี 1 ซึ่งตอนนั้นกำลังนอนหลับอยู่ในห้อง จู่มีของแข็งมากระทบหัวเสียงดัง จึงสะดุ้งดื่นขึ้นมา เห็นป้าเงื้อมีดอีโต้มามาฟันคอตัวเองซ้ำ จึงพยายามช่วยเหลือตัวเอง เกิดเสียงดังลั่นบ้าน จากนั้นแม่กับยายได้ตื่นขึ้นมาช่วยเหลือแย่งมีดคืนมาได้

จากนั้นแม่จะพาตนไปหาหมอเพราะหัวแตกมีเลือดไหล แต่เกรงว่าป้าจะคลั่งขึ้นมาอีก จึงช่วยกันเอาเชือกมาผูกป้าไว้กับเสาบ้าน เพราะเกรงว่าจะไปทำร้ายยายที่อยู่ในบ้านอีก

หลังจากหมอเจ็บแผล 6 เข็มที่ศีรษะ ซึ่งหมอให้กลับบ้านได้เลย เมื่อมาถึงบ้านเดินเข้าไป พบยายนอนจมกองเลือด ตรวจดูพบว่าหายใจรวยริน นำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนป้านั่งอยู่ประตูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นางสาวเทียนมธุรส (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี หลานสาวอีกคน เล่าว่า ตอนเห็นสภาพยายรู้ทันที่ว่าไม่รอด เพราะมีเศษกะโหลกหลุดออกมา นอนจมกองเลือดแล้ว ส่วนป้าที่ก่อเหตุเดินเล่นสบายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คาดว่ายายคือแม่ของผู้ก่อเหตุจะไปแก้มัดให้ ก่อนจะถูกลูกสาวตัวเองทุบจนเสียชีวิตดังกล่าว ตำรวจควบคุมตัวไว้ก่อน เพื่อทำการสอบสวนเบื้องต้น