
จากกรณีที่ พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เผยผลพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ผู้เสียชีวิตรายที่ 24 จากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยจม ในขณะนี้สามารถยืนยันได้ว่าคือร่างของ ว่าที่นาวาตรี พลรัตน์ สิโรดม หรือ ต้นเรือพลับ
โดยในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2566 เวลา 13.30 น. จะมีการเคลื่อนร่างของ ว่าที่นาวาตรี พลรัตน์ ออกจากฐานทัพเรือกรุงเทพฯ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ไปยัง วัดศรีเอี่ยม เขตบางนาตรงข้ามโรงงานผลิต เครื่องติดป้ายราคา
/ ที่ติดราคา
โดยมีผู้บังคับบัญชา ตลอดจนกำลังพลกองทัพเรือในพื้นที่ร่วมพิธี
ในการนี้กองทัพเรือได้จัดกองทหารเกียรติยศและขบวนรถเคลื่อนร่างของ ว่าที่นาวาตรี พลรัตน์ อย่างสมเกียรติ โดยจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ วัดศรีเอี่ยม ในเวลา 17.30 น. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ทั้งนี้ พี่สาวของต้นเรือพลับ ได้โพสต์ภาพ 3 คนพี่น้อง พร้อมข้อความอาลัยผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “พี่ไม่คิดเลยว่ารูปนี้ จะเป็นรูปสุดท้ายของเรา 3 คนพี่น้อง คุณยายคะ คุณยายบอกว่าหนูเป็นพี่คนโตให้หนูดูแลน้อง แต่หนูไม่สามารถช่วยอะไรน้องได้เลย หนูขอโทษนะคะ ตอนนี้คุณยายเจอเจ้าตัวเล็กของเรารึยังคะ ฝากดูแลน้องด้วยนะคะ พลับพูดอยู่เสมอว่าคิดถึงอาหารที่คุณยายทำ
พลับ พี่รักพลับมากนะ หลับให้สบายนะน้องรัก ไม่ต้องห่วงคุณพ่อคุณแม่และกุ๊กกิ๊กนะ พี่กับพี่พีทจะดูแลทุกคนเอง
2565 ใจร้ายเหลือเกิน พรากคนที่เรารักที่สุดในชีวิตไปถึง 2 คน”
ขณะที่ พี่ชายต้นเรือพลับ ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า “ไม่ใช่ว่าเราทำใจไม่ได้ หรือไม่ยอมรับความจริง แต่จากประสิทธิภาพของการประสานงานกับการสื่อสารในช่วงที่ผ่านมา ไม่มีอะไรทำให้เราเชื่อมั่นได้เลย การที่มีเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งญาติว่าฟันตรง โดยไม่ให้ข้อมูลอื่นๆ หรือมีหลักฐานประกอบเลย ถ้าเป็นคุณ คุณจะเชื่อไหม ตามหลักแล้ว ญาติมีสิทธิ์ที่จะรับรู้และเข้าถึงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และตามกระบวนการ เรามีสิทธิ์ที่จะร้องขอการตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อความมั่นใจว่าได้ส่งร่างคืนให้ถูกครอบครัว และอาจจะเป็นการซื้อเวลาให้ญาติมีเวลาทำใจมากขึ้น ผมเป็นหมอ ผมเป็นทหาร ผมรู้อยู่แล้วว่าโอกาสที่เค้าจะรอดหลัง 48-72 ชม. มันแทบจะไม่มีเลย
คนที่บอกว่าทำใจยอมรับเหอะ หลายวันแล้ว ผมไม่รู้หรอกนะว่าเค้าเติบโตมายังไง แต่ครอบครัวของเราเติบโตมาด้วยความรัก การจะต้องสูญเสียใครไปสักคน มันไม่ใช่เรื่องง่าย ระยะเวลาในการทำใจของแต่ละคน หรือการจัดการกับอารมณ์ของแต่ละคนนั้นก็ไม่เหมือนกัน ผมเป็นพี่ผมยังปวดใจขนาดนี้ แล้วหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ล่ะครับ ไหนจะน้องสะใภ้ผมอีก แค่ต้องคิดว่าผมจะไม่ได้กอดน้องแล้ว น้องที่ผมอุ้มมาตั้งแต่น้องเกิด ไอ้หมาของผม ผมยังห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ไม่ได้เลย ตัวผมเองก็เตรียมใจมาแล้วประมาณนึง ด้วยหลักการและเหตุผล สมองมันเข้าใจนะครับ แต่หัวใจเองมันก็ยังรับไม่ได้ มองเห็นอะไรก็คิดถึงน้องไปหมด พอคิดถึงแล้วน้ำตาก็ไหล แล้วพ่อแม่ผมล่ะครับ พวกท่านจะเป็นยังไง
ผมขอขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจที่ส่งมาให้นะครับ ตอนนี้ผมขอเวลาและขอความเป็นส่วนตัวให้คนในครอบครัวด้วยครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกคนมากๆจริงๆ”
ทั้งนี้ หลังจากที่ข้อความดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ทำให้คนที่ติดตามข่าวการค้นหา “ต้นเรือพลับ” เข้ามาแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก.