จันทร์. พ.ย. 11th, 2024
พ่อค้าพริก ยิงสนั่นโรงพัก สน.หลักสอง หลังร้อยเวรนัดเจรจาค่าเสียหายคดีทำร้ายร่างกาย คู่กรณีตาย-ทนายสาหัส
เมื่อเวลา 15.30 น. (16 ธ.ค.65) พ.ต.อ.วงกต สุวรรณวัฒน์ ผกก.สน.หลักสอง รับแจ้งเหตุยิงกันตายภายในห้องปฏิบัติการพนักงานสอบสวน สน.หลักสอง ซอยเพชรเกษม 98 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่ในห้องเลขที่ 202 ของโรงพัก เจ้าหน้าที่พบศพ นายคมสัน หรือ ม่อน อายุ 32 ปี อาชีพเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ อดีตพนักงานบริษัทจัดจำหน่าย กล่องพัสดุ / กล่องไปรษณีย์ ในสภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนยาวสีม่วง นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ตามลำตัว 5 นัด นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บชื่อ นายอนุสร อายุ 33 ปี เป็นทนายความของผู้ตาย ถูกยิงเข้าที่แผ่นหลัง จำนวน 3 นัด อาการสาหัส ถูกนำตัวส่ง แพทย์ รพ.เกษมราษฎร์บางแค ไปก่อนหน้านี้ โดยในจุดเกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกเกลื่อนพื้นจำนวน 8 นัด จึง เก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุเป็นคู่กรณีซึ่งถูกผู้ตายทำร้ายร่างกาย บนท้องถนนเมื่อราว 4 เดือนก่อนหน้านี้ ทราบชื่อคือ นายพีรสิน อายุ 27 ปี อาชีพพ่อค้าขับรถส่งพริกและสินค้าทางการเกษตร หลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ โดยขับรถกระบะตีตู้ทึบสำหรับส่งของยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่สีขาว ไม่ทราบทะเบียน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าหลบหนีกลับไปบ้านพักที่ย่านถนนพระราม 2 ขณะนี้กำลังฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัวไปจับกุมมาดำเนินคดี
สำหรับมูลเหตุที่เกิดขึ้นมาจากเมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ นายพีรสิน มือปืนได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวออกจากบ้านพักย่านพระราม 2 ไปรับสินค้าประเภทพริก ที่ถนนเพชรเกษม ย่านหลักสอง จากนั้นนายพีรสิน ก็กำลังขับรถจะนำสินค้ากลับบ้านพัก เพื่อรอเวลาไปส่งต่อให้กับลูกค้า ขณะที่ขับรถมาทางตรงเลนขวาสุด ช่วงระหว่างซอยเพชรเกษม 90-92 ก็สังเกตเห็นรถของคนร้ายยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ 5 ประตู ทะเบียนป้ายแดง ล-6048 กรุงเทพมหานคร ขับเข้ามาประกบจากทางด้านซ้าย จากนั้นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวได้เปิดกระจกขว้างขวดใส่ตัวถังรถของ นายพีรสิน จนเกิดเสียงดังที่ประตูฝั่งคนนั่ง โดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่ได้มีเรื่องราวปาดหน้าหรือมีปัญหาใดๆกันมาก่อน นายพีรสิน จึงได้จอดรถ และเอื้อมมือไปหมุนกระจกฝั่งคนนั่งข้างๆลงเพื่อจะสอบถามว่าคนร้ายทำแบบนี้ทำไม
โดยระหว่างที่ นายพีรสิน เอี้ยวตัวไปรถกระจกลงนั้นได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิป เอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานด้วย แต่พอคนร้ายเห็นดังนั้น จึงใช้ขวดเครื่องดื่มชูกำลังขว้างใส่เข้ามาในรถอีก 1 ครั้ง ทำให้ขวดกระแทกมือถือของ นายพีรสิน จนหล่นได้รับความเสียหาย ซ้ำร้ายในระหว่างที่ นายพีรสิน กำลังเอื้อมมือปิดกระจกฝั่งคนนั่งข้างๆ เพื่อเตรียมจะขับหลบหนีเพราะเห็นท่าไม่ดี คนร้ายที่เป็นคนขับรถคู่กรณีก็ได้ลงจากรถมาพร้อมเพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังอีก 1 คน เข้ามารุมกระชากมือ นายพีรสิน ที่พยายามหมุนกระจกรถขึ้น ทำให้ลำตัวนายพีรสิน ที่ต้องเอี้ยวจากฝั่งคนขับ ถูกคนร้ายดึงโผล่ออกไปทางหน้าต่างประตูฝั่งคนนั่งข้างๆ ตามด้วยการถูกรุมทำร้ายด้วยการใส่สนับมือชกต่อยที่ใบหน้าหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีและหน่วยกู้ภัยต้องรีบนำตัวส่ง รพ.เกษมราษฎร์บางแค ให้แพทย์รักษาอาการดั้งจมูกหัก ฟันหัก 3 ซี่ เบ้าตาบวมปิดทั้ง 2 ข้าง และมีเลือดออกนัยน์ตาทั้ง 2 ข้าง อาการสาหัส
โดยหลังเกิดเหตุญาติๆ นายพีรสิน ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก และนำคลิปเหตุการณ์ในขณะที่นายพีรสิน ถูกก่อเหตุกลางถนนมาลงโซเชียลเพื่อหาเบาะแส กระทั่งตำรวจสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ ซึ่งก็คือ นายคมสัน หรือ ม่อน อายุ 32 ปี ผู้ตาย กระทั่งวันนี้ พ.ต.ท.กฤษณะ ทองบ้านบ่อ สว.(สอบสวน) สน.หลักสอง เจ้าของคดีได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่าย มาตกลงกันที่โรงพัก โดยผู้ตาย ได้มาพร้อมกับ นายอนุสร อายุ 33 ปี ทนายความ เพื่อเจรจาชดใช้ค่าสินไหมทั้งกรณีทำร้ายร่างกาย นายพีรสินจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและกรณีรถเฉี่ยวชนกันทำให้ยานพาหนะได้รับความเสียหาย
ระหว่างที่ นายพีรสิน เรียกร้องค่าเสียหายทั้งสิ้นจำนวน 9 ล้านบาท ต่อหน้าพนักงานสอบสวนนั้นปรากฏว่า ฝ่ายผู้ตายปฏิเสธยืนกราน ว่าไม่สามารถชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้ได้ ทางพนักงานสอบสวน จึงสรุปจะส่งสำนวนคดีฟ้องต่อศาล ทันใดนั้น นายพีรสิน ซึ่งทีแรกออกไปยืนสงบสติอารมณ์อยู่ด้านนอกห้องปฏิบัติการสอบสวน ก็เดินเข้ามาหาคู่กรณีและทนายความที่กำลังนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะพนักงานสอบสวน ก่อนตะโกนถามว่า “แล้วมึงทำกูทำไม” จากนั้นยกมือไหว้ พ.ต.ท.กฤษณะ เจ้าของคดี พูดว่า “ผมขอโทษครับ” ก่อนจะชักอาวุธปืนขนาด 9 มม.ออกจากกระเป๋าสะพาย ซัลโวใส่คู่กรณี 8 นัด แล้วหลบหนีไป
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้เดินทางมาที่โรงพักควบคุมการสืบสวนด้วยตนเอง เบื้องต้นอยู่ระหว่างนำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.9 และฝ่ายสืบสวน สน.หลักสอง ลงพื้นที่กดดันผู้ต้องหาเพื่อให้เข้ามามอบตัว ซึ่งผู้สื่อข่าวยังมีรายงานด้วยว่า ขณะเกิดเหตุการณ์ นายคมสัน ผู้ตายยังได้พาภรรยาและลูกสาววัย 1 ขวบ มาที่โรงพักและนั่งอยู่ในห้องพนักงานสอบสวนด้วย ทำให้ลูกน้อยต้องกำพร้าพ่อ จากเหตุการณ์ถูกกระหน่ำยิง ไปต่อหน้าต่อตา