พฤหัส. ต.ค. 10th, 2024
ศาลพิพากษาจำคุก หมอ รพ.ตำรวจ เมาซิ่งปอร์เช่ ชนดับ 2 สาหัส 1 ราย เป็นเวลา 6 ปี ปรับ 202,000 บาท ให้การสารภาพเป็นประโยชน์ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือคุก 3 ปี ปรับ 101,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 พ.ย.) ที่ศาลอาญาธนบุรี ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.153/2565 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 4) โจทก์ร่วม น.ส.ผ่องเพชร ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ฟ้อง ร.ต.อ.นพ.ภาณุรักษ์ นายแพทย์(สบ1) กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.ตำรวจ เป็นจำเลย ในความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา และโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนดและขับรถที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อมในเวลาต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ โดยพฤติการณ์กล่าวหาการ กระทำความผิด สรุปว่าเมื่อวันที่ 29 ส.ค.64 จำเลยได้ขับรถปอร์เช่ ป้ายแดง เวลาหลังพระอาทิตย์ตกแล้วไปตาม ถ.ราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ ในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถความเร็วเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่กฎหมายกำหนด
แล้วได้เกิดพุ่งชนท้ายรถยนต์ฮอนด้าซิตี้ได้รับความเสียหายอย่างมาก ซึ่งผู้โดยสารในรถยนต์ 2 คน (ชาย-หญิง) พนักงานโรงงานผลิต กล่องเบเกอร์รี่ / กล่องใส่ขนม ได้รับอันตรายจนถึงแก่ความตาย และหญิงที่ขับขี่รถยนต์ซิตี้ดังกล่าวได้รับอันตรายสาหัส

โดยศาลมีคำพิพากษา ว่าจำคุก 3 ปี ปรับ 100,000 บาท โดยรอลงอาญา 2 ปี และให้คุมประพฤติมีกำหนด 1 ปี โดยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง และทำงานบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์เป็นเวลา 30 ชั่วโมง และให้เพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ด้วยและให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 = 1,500,000 บาท โจทก์ร่วมที่ 2 = 2,000,000 บาท ส่วนโจทก์ร่วมที่ 3 และ 4 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 2,000,000 บาท

ด้าน นายกานต์พงศ์ ลูกชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คดีนี้ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ในความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา และโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส เป็นเวลา 6 ปี ปรับ 200,000 บาท และปรับอีก 2,000 บาท ข้อหาเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ป้ายแดง แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 3 ปี ปรับ 101,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี

โดยส่วนตัวน่าจะยื่นอุทธรณ์คดีขอให้ศาลเพิ่มโทษจำคุกและไม่รอการลงโทษ เพราะเห็นว่าฝ่ายจำเลยให้การปฎิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดมาโดยตลอด เพิ่งมารับสารภาพในการสืบพยานชั้นศาลก่อนที่จะมีคำพิพากษา

ทางด้าน น.ส.ผ่องเพชร ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า หลังได้รับอุบัติเหตุมาจนถึงตอนนี้เป็นเวลา 1 ปีกว่าแล้ว ก็ยังรักษาไม่หายเป็นปกติ ทางด้านคดีรู้สึกว่าค่อยได้รับความเป็นธรรม กฎหมายบ้านเราลงโทษคดีเมาแล้วขับสถานเบาไม่เหมือนต่างประเทศ ทำให้เกิดคดีแบบนี้ซ้ำๆ