
หลังจากนั้นผู้เสียหายฝ่ายชายได้เสนอทางเลือก 2 ทางคือ ต้องคืนเงินรวมทั้งทรัพย์สินที่ได้ไป หรือหากรักภรรยาของผู้เสียหายมากเมื่ออยู่กันมา 5-6 ปี จึงเสนอให้มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลังจากนั้นจึงได้ตกลงมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 โดยมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน มีสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว ซึ่งเป็นการมีเพศสัมพันธ์กันโดยความสมัครใจยินยอมกันทุกฝ่าย
รวมทั้งมีการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ด้วยกันอย่างเปิดเผย ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ไปประเทศสิงคโปร์ นอนโรงแรมหรูในพัทยา รวมทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ ไปร้านอาหารก็ถ่ายรูปร่วมกันทั้ง 3 คนกันอย่างเปิดเผย หลับนอนด้วยกันโดยไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว
ทนายความกล่าวว่า ต่อมาฝ่ายสาวหล่อได้มีการร้องขอให้มีการทำสัญญาเป็นหลักฐาน ในการอยู่ลักษณะชาย 1 หญิง 2 เพราะกลัวว่าหากไม่มีการพอใจกันขึ้นมาอาจจะมีการฟ้องร้องเรื่องของการเป็นชู้ เพราะผู้เสียหายทั้งสองมีทะเบียนสมรสกันอยู่ จึงทำข้อตกลงเพื่อป้องกันตัวเอง โดยมีข้อห้ามเรื่องการทำร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง แต่ข่าวที่ออกไปกลับกลายเป็นสัญญาทาส ทั้งที่เป็นการทำสัญญาที่มีข้อตกลงกันเอง โดยไม่การบังคับหรือขู่เข็ญ
ทนายยังบอกอีกว่า ทั้ง 3 คน คบกันสักระยะหนึ่ง คาดว่าคงมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ระหว่าง 2 เมีย 1 ผัว ทะเลาะกัน จึงไปกล่าวหาว่าเป็นเรื่องข่มขืนกระทำชำเรา พยายามออกข่าวเพื่อเอากระแสสังคมมากดดันพนักงานสอบสวน ที่ฝ่ายตนมาชี้แจงในครั้งนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและพร้อมจะต่อสู้คดีในชั้นศาล สุดท้ายเชื่อว่าคดีจะจบลงด้วยดี เพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัว แต่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง สุดท้ายหากมานั่งคุยและปรับความเข้าใจกันเชื่อทุกฝ่ายคงจบลงไปด้วยดี