ศุกร์. ก.ย. 13th, 2024

หนุ่มวัย 37 ปี อ้างปืนลั่นใส่เจ้าของปืนดับคาร้านติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ หลังนัดหมายติดต่อซื้อปืนไทยประดิษฐ์ แต่ไม่มีความชำนาญในการใช้ปืน เช็ดปืนไม่ทันระวัง ไม่รู้ในแมกกาซีนมีลูกกระสุน ขนาด .380 นิ้วเข้าไปอยู่ในโก่งไกปืน ขณะที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม 2565 พ.ต.ท.ไชยณัฐ มาพงษ์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีเหตุมีผู้ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิต ภายในอาคารพาณิชย์เลขที่ 33/55 หมู่ที่ 7 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นร้านติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสมุทรปราการ แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลบางพลี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง รุดเข้าตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุพบศพของ นายศราวุฒิ สงวนชัยโรจน์ อายุ 47 ปี เจ้าของร้านติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ เสียชีวิตในสภาพนอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่หลังร้านของตนเอง สภาพศพพบรูกระสุนปืนเข้าที่เหนือท้ายทอยด้านหลังศีรษะ จำนวน 1 นัด กระสุนฝังใน โดยมีอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ แบบแมกกาซีน ขนาด .380 วางที่โต๊ะพร้อมเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน จำนวน 5 นัดแพ็คอยู่ใน ถุงกระดาษคราฟท์ ถุงกระดาษเคลือบมัน เจ้าหน้าที่จึงเก็บคราบลายนิ้วมือแฝงและ DNA ในที่เกิดเหตุเอาไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นมอบร่างผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตรเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์

ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือ นายนิกร แก้วมหาดไทย อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ ถูกฝ่ายสืบสวนควบคุมตัวได้ทันควันหลังเกิดเหตุ โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าร้าน

จากการสอบสวน นายนิกร ผู้ต้องหาให้การอ้างว่า ตนเองกับผู้เสียชีวิตเคยรู้จักกันมาก่อน พอมาวันนี้ผู้ตายได้นัดหมายให้มาดูอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว เพื่อจะตกลงซื้อขาย ตนเองจึงตัดสินใจเดินทางมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อมาดูอาวุธปืน พอมาถึงก็นำปืนซึ่งขณะนั้นไม่ทราบว่าในแมกกาซีนมีการบรรจุลูกปืนไว้ ตนเองจึงนำปืนมาสไลด์ลำกล้องเพื่อเช็ดปืน โดยไม่ทันระวัง จังหวะนั้นนิ้วของตนเองอยู่ในโก่งไกปืน จึงทำให้ปืนลั่นใส่ศีรษะของผู้ตาย ขณะที่กำลังนั่งซ่อมแบตเตอรี่รถยนต์อยู่ หลังเกิดเหตุพยามเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งโรงพยาบาล แต่ไม่มีใครกล้ารับ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุและถูกจับกุม

ด้าน พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา เบื้องต้นทราบว่าทั้งสองคนเคยติดต่อซื้อขายอาวุธปืนผิดกฎหมายมาก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง จนมาครั้งนี้ผู้ต้องหาให้การอ้างว่าฝ่ายผู้ตายติดต่อมาให้มาดูอาวุธปืน เพื่อนำไปส่งให้กับลูกค้าอีกทอดหนึ่ง แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน เพราะผู้ต้องหาไม่มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน โดยหลังเกิดเหตุผู้ต้องหาพยามเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งให้พาผู้ตายส่งโรงพยาบาล แต่รถแท็กซี่เห็นผิดสังเกต จึงรีบขับรถมาแจ้งที่โรงพัก และเป็นจังหวะที่ สภ.บางพลี กำลังปล่อยแถวระดมกวาดล้าง จึงเข้าที่เกิดเหตุและควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ทันควัน ส่วนสาเหตุที่อ้างว่าปืนลั่นนั้น ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ จะต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์และชันสูตรศพอีกครั้ง